สกรูปลายสว่านที่นำมาใช้ในงานติดตั้งหลังคาเหล็ก หลังคาเมทัลชีท หากแบ่งตามการใช้งานก็จะสามารถแบ่งออกมาได้ 4 ประเภท

สกรูที่ใช้ยึดหลังคาจะมีความยาวตั้งแต่ 45-135 มม. เพื่อให้มีความยาวเหมาะสมกับความสูงของลอนหลังคาที่ใช้งาน มีเกลียวบนใช้ล็อคแผ่นหลังคาให้แนบสนิทกับซีล มีกาดป้องกันแกนกลางของสกรู มีหัวเจาะและเกลียวเฉพาะสำหรับแปเหล็กหรือแปไม้

สกรูสำหรับยึดแนวผนัง สกรูที่ใช้ยึดกับแนวผนังนั้น จะยึดลงไปที่ ท้องลอนมักจะมีความยาวที่ 16-20มม. ถึงแม้ลอนผนังและลอนหลังคาแม้จะเป็นรูปแบบเดียวกันแต่ที่ใช้สกรูตัวสั้น เพราะสามารถทำงานติดตั้งได้สะดวกกว่า เพราะการติดตั้งจะทำในแนวตั้ง การใช้สกรูตัวยาวจะควบคุมได้ยาก มีความสิ้นเปลืองมากกว่าเพราะมีราคาสูงกว่าตัวสั้น ส่วนประกอบของสกรูก็จะมีหัวเจาะและเกลียวเฉพาะสำหรับแปเหล็กหรือแปไม้

สกรูชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะ โดยมีปลายหัวเจาะสำหรับเจาะเหล็กและเกลียวจะมีขนาดเพิ่มขึ้นในตอนปลาย จะยิ่งทำให้ล็อคแผ่นเหล็กบางๆได้แน่น ป้องกันน้ำรั่วได้

สกรูรูปแบบนี้จะใช้งานเฉพาะกับหลังคาชนิดที่เรียกว่า Clip Lock มีลักษณะคล้ายกับสกรูสำหรับยึดแนวผนังแตกต่างตรงบริเวณหัวจับสกรู จะมีความแบนเรียบ ใช้ดอกไขควงในการขันยึด

นอกเหนือจากการเลือกใช้งานในลักษณะเบื้องต้น สกรูปลายสว่านยังมีส่วนสำคัญอีก 1 อย่าง ในการเลือกใช้งาน คือสารเคลือบที่ต้องเลือกให้มีการใช้งานการรับประกันสินค้าที่เทียบเท่ากัน หากสกรูเป็นสนิมก่อนหลังคาก็จะพาให้หลังคาเป็นสนิมตามไปด้วย ซึ่งมีความเสียหายกว่าการเลือกใช้สกรูที่ดีตั้งแต่ครั้งแรก ในปัจจุบันหลังคาและสกรูจะเกรดดังนี้

1. หลังคา AZ70-90 รับประกันการใช้งาน 5-15 ปี ใช้กับสกรู Class 2 รับประกันการใช้งาน 5-15 ปี
2. หลังคาเกรด AZ150 รับประกัรการใช้งาน 20-40 ปี ใช้กับสกรู Class 3 รับประกันการใช้งาน 20-40 ปี

*การรับประกันจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป สามารถสอบถามเพิ่มเติมที่ตัวแทนจำหน่ายแผ่นหลังคา

ดังนั้นเวลาเลือกใช้งานสกรูปลายสว่าน สามารถเลือกตามตารางการใช้งานได้ ดังนี้