“การแบ่งมาตรฐานเมทัลชีทและการเลือกสกรูปลายสว่าน”
ไม่ใช่แค่การเลือกแผ่นเมทัลชีทที่ดีเพียงเท่านั้น องค์ประกอบอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการยึดแผ่นเมทัลชีทเข้ากับโครงสร้างอาคาร ที่จะต้องเจอกับการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกัน นั้นก็คือสกรูปลายสว่าน
สกรูปลายสว่านสำหรับยึดแผ่นเมทัลชีทเองก็มีมาตรฐานในการวัดคุณภาพและความทนทานของตัวสกรู สองสิ่งนี้หากชิ้นใดชิ้นหนึ่งเกิดสนิมขึ้นก่อน สนิมจะเริ่มลุกลามทำให้เสียหายทั้งตัวหลังคาและโครงสร้างได้ โดยวิธีการเลือกสกรูให้เหมาะสม ควรเปรียบเทียบจากอายุการรับประกันของสกรู และเมทัลชีทที่สอดคล้องกัน
ยกตัวอย่างเช่น หลังคาเหล็ก AZ150 ในท้องตลาด ที่มีการรับประกัน 20 ปี ก็จะเหมาะสมกับการใช้งานคู่กับสกรูปลายสว่าน FIX-3 ที่มีการรับประกันการไม่เกิดสนิมที่ 20 ปี เช่นเดียวกัน
โดยเราได้ทำตารางตัวอย่างการเปรียบเทียบการใช้งานของแผ่นเมทัลชีท ที่มีค่า Coating Class ที่ต่างกันออกไป กับสกรูปลายสว่านภายใต้แบรนด์ FIX-IT ตามตารางด้านล่างนี้ เพื่อความแข็งแรงทนทานควบคู่กันทั้งแผ่นเมทัลชีท และสกรูปลายสว่านในแต่ละรุ่น
AS/NZS ย่อมาจาก Australian/New Zealand Standards เป็นมาตรฐานที่มีการตรวจสอบการผลิตแผ่นโปร่งแสงอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน
งานติดตั้งครอบหลังคาเมทัลชีท ครอบสันจั่ว ครอบข้าง แฟลชชิ่ง ต้องใช้สกรูที่เหมาะสมอย่างสกรูตัวดูด (Stitching Screws)
แผ่นโปร่งแสงชนิดไฟเบอร์กลาสเป็นที่นิยมมากขึ้น ทั้งการใช้ในรูปแบบอุตสาหกรรม และการใช้ในบ้านเรือน แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบวิธีการเลือกแผ่นโปร่งแสงชนิดนี้ ว่าจะต้องเลือกหรือดูจากจุดใดจึงจะได้แผ่นโปร่งแสงที่มีคุณภาพ
นื่องจากการติดตั้งหลังคาเหล็กด้วยการใช้สกรูปลายสว่าน จะต้องทำการเจาะตัวแผ่นหลังคาเพื่อให้สกรูทะลุไปยึดกับแป โดยวิธีการนี้จะทำให้เกิดช่องว่างขนาดเล็กในจุดต่อระหว่างสกรูกับแผ่นหลังคาเหล็ก ทำให้มีการพัฒนาซีล(Seal)เพื่อปิดรอยต่อระหว่างสกรูกับแผ่นหลังคาเหล็ก เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำ
น้ำรั่วตามขอบวงกบประตูหน้าต่างเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลาย ๆ บ้าน ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้