“ใช้สกรูให้เหมาะสมกับเมทัลชีท”
ไม่ใช่แค่การเลือกแผ่นเมทัลชีทที่ดีเพียงเท่านั้น องค์ประกอบอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ใช้ในการยึดแผ่นเมทัลชีทเข้ากับโครงสร้างอาคาร และจะต้องเจอกับสภาพแวดล้อมและการกัดกร่อนเช่นเดียวกัน นั่นก็คือสกรูปลายสว่าน
สกรูปลายสว่านสำหรับยึดแผ่นเมทัลชีทเองก็มีมาตรฐานในการวัดคุณภาพและความทนทานของตัวสกรู สองสิ่งนี้หากชิ้นใดชิ้นหนึ่งเกิดสนิมขึ้นก่อน สนิมจะเริ่มลุกลามทำให้เสียหายทั้งตัวหลังคาและโครงสร้างได้ โดยวิธีการเลือกสกรูให้เหมาะสม จะสามารถเปรียบเทียบจากอายุการรับประกันของสกรู และเมทัลชีทที่สอดคล้องกัน
ยกตัวอย่างเช่น หลังคาเหล็ก AZ150 ในท้องตลาด ที่มีการรับประกัน 20 ปี ก็จะเหมาะสมกับการใช้งานคู่กับสกรูปลายสว่าน FIX-3 ที่มีการรับประกัน 20 ปี เช่นเดียวกัน
โดยเราได้ทำตารางตัวอย่างการเปรียบเทียบการใช้งานของแผ่นเมทัลชีท ที่มีค่า Coating Class ที่ต่างกันออกไป คู่กับสกรูปลายสว่านภายใต้แบรนด์ FIX-IT ตามตารางด้านบนครับ
“กาว” นั้นมีหลากหลายชนิดที่แตกต่างกันไปเพื่อตอบโจทย์การใช้งานแต่ละชนิด กาวชนิดต่างๆที่ถูกใช้ในงานก่อสร้าง โดยจะแบ่งออกมาเป็น 7 ชนิดที่นิยมใช้งานดังนี้
นื่องจากการติดตั้งหลังคาเหล็กด้วยการใช้สกรูปลายสว่าน จะต้องทำการเจาะตัวแผ่นหลังคาเพื่อให้สกรูทะลุไปยึดกับแป โดยวิธีการนี้จะทำให้เกิดช่องว่างขนาดเล็กในจุดต่อระหว่างสกรูกับแผ่นหลังคาเหล็ก ทำให้มีการพัฒนาซีล(Seal)เพื่อปิดรอยต่อระหว่างสกรูกับแผ่นหลังคาเหล็ก เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำ
น้ำรั่วตามขอบวงกบประตูหน้าต่างเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลาย ๆ บ้าน ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้
ตามที่ได้มีการพูดถึงก่อนหน้านี้ว่าสกรูปลายสว่านนั้นมีความสำคัญต่อโครงสร้างหลังคาเมทัลชีทเป็นอย่างมาก เพราะทำหน้าที่สำคัญในการยึดแผ่นหลังคาเมทัลชีทและโครงสร้างเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา
เพราะปัญหาหลักของหลังคาเหล็กคือการเกิดสนิมและปัญหาน้ำรั่ว นอกจากการทดสอบตามมาตรฐาน AS 3566 ซึ่งเป็นข้อกำหนดของสกรูปลายสว่านโดยพื้นฐานแล้ว การรับประกันยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้สามารถมั่นใจในคุณภาพสินค้าได้ยิ่งขึ้น